เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน 2565 เวลา 13.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ 2/2565 ผ่านระบบ Video Conference โดยมี ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ทำหน้าที่เลขานุการ โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณคณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินงานในห้วงที่ผ่านมาและแผนงานที่จะร่วมกันดำเนินการต่อไป โดยย้ำว่าการแก้ปัญหาหนึ่งต้องไม่นำไปสู่อีกปัญหาหนึ่งตามมาภายหลัง ให้ดำเนินการอย่างรอบคอบ รวมไปถึงขอให้มีการดำเนินการคัดแยกพื้นที่ที่มีปัญหามาก เพื่อคลี่คลายปัญหาให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้มีความสบายใจ ซึ่งในส่วนของพื้นที่รัฐต่อรัฐ ก็ได้มีการดำเนินการแล้วไม่มีปัญหา แต่จะมีปัญหาเฉพาะพื้นที่ที่มีประชาชนเข้าไปอยู่ร่วมด้วย ซึ่งต้องไปพิจารณาดำเนินการในเรื่องของการพิสูจน์สิทธิ์ภายหลังเพื่อรักษาสิทธิ์ให้ประชาชนและไม่ให้เกิดปัญหาตามมาอีกในภายหลัง ขณะที่เรื่องการส่งเสริมเกษตรกรปลูกพืชเศรษฐกิจใหม่ ต้องมีการให้ความรู้แก่ประชาชนและเกษตรกรเกี่ยวกับการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practice : GAP) มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และมาตรฐานด้านการเกษตรอื่น ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการปลูกพืชที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ ปริมาณน้ำ Agri-Map ตรงกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค ตลอดจนเรื่องของระบบขนส่ง เป็นต้น

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการดำเนินงานของฝ่ายเลขานุการ คทช. และคณะอนุกรรมการภายใต้ คทช. โดยในกรณีปัญหาคนรุกป่า ต้องแก้ด้วยการดำเนินการของ คทช. ส่วนกรณีป่ารุกคน ให้แก้ด้วยหน่วยงาน เครื่องไม้เครื่องมือ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งขอให้เร่งดำเนินการการแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองระนอง จังหวัดระนองโดยเร็ว เพื่อให้เป็นโครงการนำร่องเป็นตัวอย่างในการดำเนินการพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป พร้อมกับย้ำขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันทำงานแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนมายาวนานให้กับประชาชน ซึ่งขณะนี้หลายเรื่องก็มีความก้าวหน้าโดยลำดับในรัฐบาลนี้ โดยเกิดจากการร่วมมือของทุกคนที่พยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อทำให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถอยู่รอดปลอดภัย มีความสุข พอเพียงและยั่งยืน

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบรับทราบผลการดำเนินงานของฝ่ายเลขานุการ คทช. และคณะอนุกรรมการภายใต้ คทช. ดังนี้

  1. กำหนดพื้นที่เป้าหมายแล้ว 1,483 พื้นที่ 70 จังหวัด 5,792,144 - 3 - 44.75 ไร่
  2. ออกหนังสืออนุญาตแล้ว 356 พื้นที่ 1,123,171 - 3 - 64.82 ไร่
  3. จัดคนเข้าทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว 73,809 ราย ใน 331 พื้นที่
  4. ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพแล้วใน 247 พื้นที่

จากนั้น ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องสำคัญและมีมติ ดังนี้

  1. เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองระนอง จังหวัดระนอง ตามที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมายการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินเห็นชอบ และมอบหมายให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับไปดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
  2. เห็นชอบในหลักการการปรับเปลี่ยนให้ผู้ขอใช้ประโยชน์การอยู่อาศัยและทำกินในป่าสงวนแห่งชาติ จากผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน หรือกลุ่มเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ที่จัดที่ดินทำกินให้ชุมชน และปฏิบัติตามภายใต้เงื่อนไขข้อกำหนดการใช้ที่ดินและแนวทางปฏิบัติของกรมป่าไม้ มาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 การชำระค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และดำเนินการตามหลักเกณฑ์การประเมินความเข้มแข็งของสหกรณ์
  3. เห็นชอบการเสนอเรื่องนำเรียนคณะรัฐมนตรี ให้กรมป่าไม้ส่งมอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรม “ป่าสวนเมี่ยง” เนื้อที่ประมาณ 361 ไร่ ให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมนำไปดำเนินการตามกฎหมายการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมให้แก่สมาชิกสมาคมทหารผ่านศึกพิการแห่งประเทศไทย และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
  4. มอบหมายหน่วยงานไปดำเนินการแก้ไขปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของพื้นที่กลุ่มที่ 2 จำนวน 11 จังหวัด และพื้นที่กลุ่มที่ 3 จำนวน 11 จังหวัด ให้มีรายละเอียดครบถ้วนยิ่งขึ้น ดังนี้
    1. พื้นที่กลุ่มที่ 2 จำนวน 11 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ตราด นครนายก นครสวรรค์ ระยอง (ยกเว้นกรณีพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า - หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง) ลพบุรี ศรีสะเกษ และจังหวัดสระบุรี
    2. พื้นที่กลุ่มที่ 3 จำนวน 11 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี เพชรบูรณ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด เลย สระแก้ว สุรินทร์ และจังหวัดอุบลราชธานี
    ทั้งนี้ พื้นที่กลุ่มที่ 1 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565

Slide
Slide

รางวัล คนดีศรี สคทช. ประจำปี 2566

Slide

รางวัล คนดีศรี สคทช. ประจำปี 2566

Slide

รางวัล คนดีศรี สคทช. ประจำปี 2566

Slide

รางวัล คนดีศรี สคทช. ประจำปี 2566

Slide

รางวัล คนดีศรี สคทช. ประจำปี 2566

previous arrow
next arrow

epetitions

complaint

aerial phot interpretation