เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องประชุม 1011 PFP Healthy, Tasty ชั้น 10 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (ผอ. สคทช.) เป็นประธานการหารือและรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการในการเตรียมความพร้อมรองรับระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า (EU Regulation on Deforestation-free Products - EUDR) ร่วมกับ นายธนารักษ์ พงษ์เภตรา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) โดยมี ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ สคทช. ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว โอกาสนี้ ผอ. สคทช. ได้นำเสนอการดำเนินงานของ สคทช. ที่เกี่ยวข้องกับ EUDR ทั้งในการขับเคลื่อนการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) และการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนภายใต้ คทช. ซึ่งมีการออกหนังสืออนุญาตให้ทำกินและใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผอ.สคทช. ได้กล่าวเปิดการประชุมว่า “สคทช. เราไม่ได้มองแค่เรื่องการจัดที่ดินทำกินให้แก่ เกษตรกรผู้ยากไร้ไม่มีที่ทำกินที่อยู่อาศัย แต่เรามองไปถึงเรื่องการส่งเสริมพัฒนาอาชีพ ในกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ที่รัฐจัดด้วย ซึ่งอยากให้กลุ่มคนเหล่านั้นได้รับโอกาสในการสร้างรายได้ที่มั่นคง สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน โดยในการประชุมครั้งนี้ สคทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐ รับผิดชอบการจัดที่ดินทำกินให้เกษตรกรให้สามารถมีที่ดินทำกินได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงอยากรับฟังข้อคิดเห็นต่าง ๆ เกี่ยวกับ EUDR ของผู้ประกอบการให้ชัดเจนว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคอย่างไรบ้าง หรือมีความคิดเห็นอย่างไร เพื่อเร่งรัดดำเนินการแก้ไขให้เกษตรกรในพื้นที่ คทช. สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปยังสหภาพยุโรปได้ เพื่อช่วยยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรในพื้นที่ คทช. ได้อย่างยั่งยืนต่อไป” ทั้งนี้ ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลการดำเนินงานที่ผ่านมา และผู้ประกอบการได้นำเสนอประเด็นที่เป็นความท้าทายและข้อห่วงกังวลในการดำเนินงานตามเงื่อนไขของ EUDR เช่น การจัดทำรูปแปลงที่ต้อง ไม่ทับซ้อนหรือชิดกัน การตรวจสอบว่าไม่อยู่ในพื้นที่ป่าของ EU และการมีสิทธิในที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมายของไทย และมีข้อเสนอแนะในการดำเนินงานของภาครัฐ อาทิ การมีตัวแทนการเจรจาของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และการมีระบบทวนสอบห่วงโซ่อุปทานระบบกลางของประเทศ (Traceability system)