วันนี้ (๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๘) ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (ผอ.สคทช.) เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองระนอง และแนวทางการดำเนินการตามร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าคลองหัวเขียว” และ “ป่าคลองเกาะสุย” ในพื้นที่ตำบลเขานิเวศน์ และตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง โดยมีนายณัฐวุฒิ เปลื้องทุกข์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พร้อมด้วย นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระนอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมทั้งในรูปแบบ On-site และผ่านระบบออนไลน์ ณ ห้องประชุม สคทช. ๒ ชั้น ๒๐ อาคารอารีย์ ฮิลส์
การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ให้เป็นไปตามหลักกฎหมายและนโยบายของรัฐ ภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖ เห็นชอบร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่ดังกล่าว โดยมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการคลังดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวกับสถานะที่ดินภายหลังการเพิกถอนจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติ โดยเฉพาะประเด็นการกำหนดสถานะทางกฎหมายของที่ดินว่าจะสามารถบริหารจัดการตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้หรือไม่ รวมถึงแนวทางการส่งมอบพื้นที่ให้กรมธนารักษ์ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติเพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงาน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง (อบจ.ระนอง) พิจารณาเลือกแนวทางดำเนินการที่เหมาะสมในการบริหารจัดการจาก ๒ แนวทาง ดังนี้
แนวทางที่ ๑ อบจ.ระนองดำเนินการขอใช้พื้นที่ตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจำนวน ๔ มติ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้ต่อเนื่อง โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.)
แนวทางที่ ๒ อบจ.ระนองร่วมบูรณาการกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ตามนโยบายของ ทช. โดยจัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืน
การประชุมในครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อคลี่คลายปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตป่าชายเลนชุมชนเมืองระนองให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สอดคล้องกับนโยบายการจัดการที่ดินของรัฐ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างยั่งยืน