เมื่อวันจันทร์ที่ 22 มกราคม 2567 ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสํานักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะฯ ในการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เพื่อติดตามการดำเนินงานการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน การกระจายการถือครองที่ดิน แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านที่ดินของประชาชน โดยมี นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางวรรณภรณ์ เกตุทัต รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ผู้บริหาร ข้าราชการ ผู้แทนชุมชนและประชาชนในพื้นที่ จำนวนกว่า 200 คน ร่วมให้การต้อนรับ ณ ศาลาคุณธรรม โรงเจพงไล้ หมู่ที่ 5 ตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง
นายภูมิธรรม ได้ติดตามการแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองระนอง เนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ ในเขตท้องที่หมู่ที่ 5 ตำบลบางริ้น และตำบลเขานิเวศน์ อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง ซึ่งประชาชนอยู่อาศัยโดยไม่มีเอกสารสิทธิที่ดินในเขตป่าชายเลน และอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองหัวเขียว และป่าคลองเกาะสมุย ซึ่งเป็นปัญหาความเดือดร้อนที่ประชาชนในพื้นที่เมืองระนองได้รับผลกระทบและสั่งสมมานาน โดยการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ดำเนินการตามนโยบาย คทช. ในการใช้ที่ดินของรัฐให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยให้เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติและป่าชายเลนบางส่วนให้เป็นที่ราชพัสดุ เพื่อให้ประชาชนอยู่อาศัยและทำกินได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลังดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เสนอคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จังหวัดระนอง เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลน ชุมชนเมืองระนอง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ที่อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ (บางส่วน) พื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง เนื้อที่รวม 502 ไร่ ให้เป็นพื้นที่ราชพัสดุ โดยที่สภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินปัจจุบันเป็นชุมชนเมือง ไม่มีสภาพป่าชายเลนแล้ว และให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ