เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เป็นประธานเปิดงานโครงการสัมมนาเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจภารกิจและผลการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2567 ภายใต้หัวข้อ "3 ปี สคทช. พัฒนาต่อยอดการบริหารจัดการที่ดิน ประชาชนอยู่กินยั่งยืน" โดยมี ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สคทช. ให้การต้อนรับ ณ ห้องวายุภักษ์ แกรนด์บอลรูม โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ โดยมีหน่วยงานภาคีเครือข่าย ภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค สถาบันการศึกษา และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน
งานสัมมนาครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภารกิจ อำนาจหน้าที่ และผลการดำเนินงานที่สำคัญของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และคณะอนุกรรมการภายใต้ คทช. รวมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ และส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ คทช. ผ่านกิจกรรมการจำหน่ายผลผลิตและผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรในชุมชน คทช.
นายภูมิธรรมฯ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ และตระหนักรู้ถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่เป็นผู้ยากไร้ ไม่มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง จึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างและขยายโอกาสให้กับประชาชนผ่านการจัดทำนโยบายในการเร่งรัดจัดหาที่ดินทำกิน เพื่อกระจายสิทธิการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมให้แก่เกษตรกรผู้ยากไร้ ตลอดจนพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ พัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ ให้เกิดความมั่นคงและเพียงพอต่อการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ “สคทช.” ถือเป็นหน่วยงานหลักที่ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในเรื่องดังกล่าว ผ่านกระบวนการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในลักษณะแปลงรวมโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม ส่งเสริมพัฒนาอาชีพ และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จำเป็นต่อการอยู่อาศัย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินและลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างแท้จริงปัญหาเรื่องที่ดินทำกินเป็นเรื่องที่มีความยุ่งยากซับซ้อน ทั้งปัญหาข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานรัฐด้วยกัน และระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชน ดังนั้น ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือและพูดคุยหาข้อสรุปและหาทางออกร่วมกัน โดยให้ความสำคัญและเร่งรัดจัดทำแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของ สคทช. ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศอย่างเต็มศักยภาพและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอื่น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงขอฝากให้ สคทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันทำงานอย่างเข้มแข็ง เร่งรัดขับเคลื่อนการจัดที่ดินให้ประชาชน รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาศักยภาพและองค์ความรู้ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ต่อยอดให้เป็นเกษตรกรยุคใหม่ที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับความท้าทายของโลก และกติกาใหม่ๆ ที่จะถูกสร้างขึ้นตามนโยบายการค้าและสิ่งแวดล้อม เพื่อความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนคนไทยทุกคนอย่างมีเอกภาพและยั่งยืนต่อไป
ดร.รวีวรรณฯ ผอ.สคทช. กล่าวว่า สคทช. ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ที่ผ่านมาในช่วงแรกจะเน้นให้ความสำคัญกับการดำเนินงานพัฒนาระบบและกลไกการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ และการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ประกอบด้วย การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ภายใต้หลักการ One Land One Law ได้ดำเนินการไปแล้ว 4 กลุ่ม รวมทั้งสิ้น 44 จังหวัด และปัจจุบันกำลังดำเนินการในกลุ่มที่ 5 ครอบคลุมจังหวัดในภาคใต้ สำหรับการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐตามมาตรการของ คทช. ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 สามารถแก้ไขปัญหาได้ข้อยุติให้กับประชาชน 495 ราย และอยู่ระหว่างการดำเนินการอีก 1,233 ราย โดยมีการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ 1,234 แปลง การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในลักษณะแปลงรวมโดยมิให้กรรมสิทธิ โดยให้หนังสืออนุญาตทำกินและสามารถตกทอดสู่ทายาทได้ ซึ่งปัจจุบันได้มีการกำหนดพื้นที่เป้าหมายทั้งสิ้น 1,582 พื้นที่ ในเนื้อที่ 5.89 ล้านไร่ มีการออกหนังสืออนุญาตแล้ว 2.6 ล้านไร่ และมีการจัดคนเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินแล้วประมาณ 86,000 ราย รวมถึงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลางด้านที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (Big Data Platform)
ทั้งนี้ สคทช. มีเป้าหมายจะขับเคลื่อนเพื่อต่อยอดการดำเนินงานในปัจจุบัน โดยการใช้เทคโนโลยี Block chain ในการปรับปรุงแผนที่ One Map เพื่อเกิดความโปร่งใส และการพัฒนาแผนที่ Digital เพื่อให้เกิดความทันสมัยและถูกต้องแม่นยำ การนำ AI มาช่วยวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศในการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐ และการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพแก่ประชาชนในพื้นที่ คทช. ให้สอดล้องกับความต้องการของตลาดและมาตรฐานสากล รวมทั้ง การเตรียมการเพื่อรองรับระเบียบการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ได้ขับเคลื่อนแนวทางการสร้างมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถนำสมุดประจำตัวผู้ได้รับอนุญาตให้อยู่อาศัยในพื้นที่ คทช. เป็นหลักประกันในการเข้าถึงแหล่งทุนของรัฐในการประกอบอาชีพได้
สำหรับการจัดโครงการสัมมนาฯ ในครั้งนี้ มีกิจกรรม ประกอบด้วยการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ทิศทางและนโยบายการแก้ไขแนวเขตที่ดินของรัฐที่ซ้อนทับกัน” โดย พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี และกิจกรรมเสวนา ภายใต้หัวข้อ “3 ปี สคทช. แก้ปัญหา พัฒนา ต่อยอดการบริหารจัดการที่ดิน” การมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ (พื้นที่ คทช.) ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดจำนวน 52 จังหวัด ตลอดจนการมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติผู้ที่ร่วมขับเคลื่อนภารกิจ คทช. ระดับดีเด่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 การมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติและใบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ร่วมขับเคลื่อนภารกิจและสนับสนุนการดำเนินงานของ คทช. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และการจัดนิทรรศการผลการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการที่ดินของหน่วยภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และการนำสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมถึงผลิตภัณฑ์จากชุมชน คทช. จากทั่วทุกภูมิภาคของไทยมาจำหน่าย โดยจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 4 – 5 มีนาคม 2567 ณ ห้องวายุภักษ์ แกรนด์บอลรูมชั้น 4 โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ และอาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ชั้น 1 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550