ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เป็นเทคโนโลยีรูปแบบหนึ่งที่ทำให้คอมพิวเตอร์มีลักษณะเสมือนมนุษย์ทั้งในเรื่องของความคิด การวิเคราะห์ หรือการเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆ ...

โดย นายอรรคภพ รอดจินดา

นักวิชาการคอมพิวเตอร์ชำนาญการพิเศษ

ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศที่ดินและทรัพยากรดิน กลุ่มงานพัฒนาเครือข่ายและนวัตกรรม

ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เป็นเทคโนโลยีรูปแบบหนึ่งที่ทำให้คอมพิวเตอร์มีลักษณะเสมือนมนุษย์ทั้งในเรื่องของความคิด การวิเคราะห์ หรือการเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆ โดยใช้โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่มนุษย์เขียนหรือจัดทำชุดข้อมูลขึ้นนำมาฝังไว้กับอุปกรณ์ส่วนใดส่วนหนึ่ง เพื่อทำให้เกิดระบบจักรกลอัจฉริยะที่สามารถประมวลผลและจัดการข้อมูล ชุดคำสั่ง และนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ซึ่งการทำงานของ AI จะเกิดจากการเชื่อมโยงองค์ประกอบ อันได้แก่ การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เป็นการวิเคราะห์รูปแบบหนึ่ง โดยเป็นการประมวลข้อมูลจากโปรแกรมที่มนุษย์เขียนขึ้น และการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) การเรียนรู้แบบอัตโนมัติซึ่งเลียนแบบการทำงานของโครงข่ายประสาทของมนุษย์ โดยนำระบบโครงข่ายประสาทมาซ้อนกันหลายชั้นและเรียนรู้ข้อมูล ใช้สำหรับการจัดหมวดหมู่ข้อมูลและการจัดรูปแบบ โดยในปัจจุบันสามารถแบ่งประเภทของปัญญาประดิษฐ์ได้ ดังนี้

  1. การประมวลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing: NLP) คือ การทำให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้ภาษาของมนุษย์ คอมพิวเตอร์จะเข้าใจและสามารถประมวลผลคำสั่งของมนุษย์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการประยุกต์ใช้ AI กับภาษาของมนุษย์ทั้งในรูปแบบเสียงพูดและตัวอักษร ตัวอย่างเช่น การใช้ Apple Siri ในการออกคำสั่งด้วยเสียง เป็นต้น
  2. คอมพิวเตอร์วิทัศน์ (Computer Vision) คือ การทำให้คอมพิวเตอร์เกิดการเรียนรู้จากการวิเคราะห์ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว จนสามารถจำแนกความแตกต่างทั้งตำแหน่งที่ตั้งหรือลักษณะของวัตถุในภาพได้ เช่น การปรับใช้กับรถอัจฉริยะไร้คนขับเพื่อทำการขนส่งสินค้า เป็นต้น
  3. ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System) คือ การทำให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความชำนาญเฉพาะทางจากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นให้กับระบบเพื่อประยุกต์ใช้ AI แทนผู้เชี่ยวชาญ เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประยุกต์ใช้ AI ในการซื้อขายหุ้น หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่ประยุกต์ใช้ AI ในการวินิจฉัยโรค เป็นต้น
  4. วิทยาการหุ่นยนต์ (Robotics) คือ การออกแบบและพัฒนาเครื่องกลเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ การประยุกต์ใช้ AI แบบ Robotics เช่น การสร้างหุ่นยนต์สำหรับสายงานผลิตอุตสาหกรรมหรือการประดิษฐ์โดรน เป็นต้น1

ในภาคของอสังหาริมทรัพย์ เป็นหนึ่งหมวดอุตสาหกรรมที่มีความท้าทายและมีโอกาสที่จะนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยทั้งในการจัดสรรที่ดิน และการเลือกซื้อที่ดิน ซึ่งในอดีตการตัดสินใจต่างๆ จะเป็นของกลุ่มผู้บริหารที่มีความสามารถในการประเมินและมีอำนาจตัดสินใจเพียงบางกลุ่ม ซึ่งเมื่อบุคคลเหล่านี้ย้ายงานหรือเกษียณอายุไปแล้ว องค์ความรู้ในการพิจารณาที่ดินขององค์กรนั้นย่อมหายไปด้วย ในขณะเดียวกันการพิจารณาจัดสรรที่ดินด้วยกลุ่มคนเพียงบางกลุ่มก็ทำให้การวิเคราะห์ไม่ได้ครอบคลุมทุกมิติ และมีโอกาสที่เกิดความผิดพลาดได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะถูกแก้ไข เมื่อนำเทคโนโลยี AI เข้ามาประยุกต์ใช้ โดยเป็นตัวช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการจัดสรรที่ดินแทนมนุษย์ เนื่องจาก AI มีความสามารถในการจดจำประสบการณ์ของคนที่เลือกซื้อที่ดินจากข้อมูลเดิม และนำข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องพิจารณาร่วมด้วย เช่น ที่ดินบริเวณใกล้เคียง สิ่งอำนวยความสะดวก รถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อบริเวณที่ดิน โดยนำมาประกอบกับมูลค่าที่ดิน ทั้งราคาประเมินจากภาครัฐ ราคาประเมินจากกลุ่มซื้อขายที่ดิน ตัวแทนของผู้ซื้อหรือผู้ขายที่ดิน รวมถึงข้อมูลความสนใจของลูกค้า มาเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์อย่างละเอียดว่าที่ดินนั้น ควรสร้างโครงการในลักษณะใด แนวโน้มการตอบรับที่ดินบริเวณดังกล่าวจะเป็นอย่างไร ซึ่งทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าการพิจารณาด้วยมนุษย์ ที่สำคัญที่สุดคือการนำ AI มาทำหน้าที่ช่วยตัดสินใจในการจัดสรรที่ดิน ทำให้องค์กรไม่เสียโอกาสด้านทรัพยากรข้อมูล เนื่องจากองค์ความรู้ ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการพิจารณาที่ดิน จะถูกเก็บไว้เป็นข้อมูลขององค์กรที่สามารถนำมาใช้งานและเพิ่มพูนองค์ความรู้ได้ในอนาคต2

อีกหนึ่งเทคโนโลยี AI ที่เข้ามามีบทบาทในการทำงานภายในองค์กรและกำลังได้รับความนิยม คือแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model : LLM ) โมเดลภาษาขนาดใหญ่และซับซ้อนที่ถูกฝึกสอนเพื่อให้เข้าใจและสร้างภาษาที่มีความเป็นธรรมชาติคล้ายกับภาษาของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น GPT-4 ที่ถูกพัฒนาโดย OpenAI โมเดลที่ได้รับการฝึกสอนด้วยข้อมูลจำนวนมากจากอินเทอร์เน็ต และสามารถจำลองความสามารถในการสื่อสารของมนุษย์ โดยเทคนิคหลักในการฝึกให้ LLM เรียนรู้ คือ การใช้ตัวแปลง (Transformer) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อจัดการปัญหาที่ซับซ้อนในการประมวลผลภาษาธรรมชาติ เช่น การสร้างประโยคที่สอดคล้องและเป็นภาษาเขียนที่ดี โมเดลนี้มีความสามารถในการจดจำความสัมพันธ์ระหว่างคำต่างๆ ในประโยค ทำให้มีประสิทธิภาพสูงในการนำไปใช้กับงานวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล และประยุกต์ใช้งานในด้านต่างๆ3

ภาพที่ 1 แสดงการทำงานของ LLM

ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ. (2567). รายงานขั้นต้น โครงการพัฒนาระบบบริหาร เชื่อมโยงและให้บริการข้อมูลกลางด้านที่ดินและทรัพยากรดิน ระยะที่ 2

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ได้ดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหาร เชื่อมโยง และให้บริการข้อมูลด้านที่ดินและทรัพยากรดิน เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการและให้บริการข้อมูลด้านที่ดินและทรัพยากรดิน และเป็นช่องทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึง แบ่งปัน และใช้ประโยชน์ข้อมูลด้านที่ดินและทรัพยากรดินร่วมกัน โดยในโครงการระยะที่ 1 ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบเชื่อมโยงข้อมูล ระบบจัดเก็บข้อมูล และพัฒนาโปรแกรมรองรับการบริหารจัดการแลวิเคราะห์ข้อมูล ในรูปแบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Platform) ต่อมาในปี พ.ศ. 2567 สคทช. ได้ดำเนินโครงการในระยะที่ 2 และได้กำหนดแผนการดำเนินงานต่อเนื่องจากระยะที่ 1 ในการเป็นศูนย์กลางบริหารจัดการและให้บริการข้อมูลด้านที่ดินและทรัพยากรดิน มุ่งเน้นการส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์ข้อมูลในฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytic) การพัฒนาแบบจำลองการวิเคราะห์ข้อมูลโดยอาศัยวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) และการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) โดยมีกรอบแนวคิดในการนำ LLM มาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลด้านที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ เพื่อพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ภายในองค์กร (Local LLMs Solution) ที่เชื่อมต่อกับคลังข้อมูล (Data Warehouse) ของระบบบริหาร เชื่อมโยง และให้บริการข้อมูลกลางด้านที่ดินและทรัพยากรดิน เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ได้เชื่อมโยงมาจากหน่วยงานด้านที่ดิน โดยมีแนวทางการประยุกต์ใช้งาน LLM เพื่อบริหารจัดการข้อมูลด้านที่ดินและทรัพยากรดิน ดังนี้

  1. ด้านการรวบรวมและการจัดเก็บข้อมูล

    หน่วยงานสามารถตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลโดยใช้ LLM และการทำความสะอาดข้อมูล (Data Cleansing) เพื่อให้ข้อมูลพร้อมใช้งาน รวมถึงใช้สำหรับการแปลงหรือสกัดข้อมูลจากนามสกุลไฟล์ (Format File) รูปแบบหนึ่งไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง เช่น การแปลงไฟล์จากรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลทางภูมิศาสตร์ (Shape File) ไปเป็นระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (MIS) เป็นต้น

  2. ด้านการวิเคราะห์และการประมวลผลข้อมูล

    การประยุกต์ใช้ LLM ให้ทำงานร่วมกับระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อแสดงข้อมูลเพิ่มเติมในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลการใช้ที่ดิน ข้อมูลสภาพแวดล้อม ตลอดจนข้อมูลทางเศรษฐกิจและสังคม โดยการพัฒนาแชทบอทในการตอบคำถามหรือให้ข้อมูลในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) และปรับปรุงระบบค้นหาข้อมูลในแอปพลิเคชันเป็นการค้นหาตามบริบท (Context Search) โดยอิงจากคำค้นหาและแสดงผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้อง

  3. ด้านการจัดการรายงาน

    การประยุกต์ใช้ LLM สามารถสร้างรายงานจากข้อมูลได้ เช่น รายงานการประชุม รายงานการใช้ประโยชน์ที่ดิน เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถประยุกต์ใช้ LLM ในการแปลเอกสารจากต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการใช้ประโยชน์ที่ดินและการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน

  4. ด้านการให้คำปรึกษาและแนะนำ

    หน่วยงานสามารถรวบรวมคำถามที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน เพื่อสร้างแชทบอทสำหรับให้ข้อมูลคำปรึกษา และคำแนะนำ เช่น การใช้ประโยชน์ที่ดินด้านการเกษตร ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน เป็นต้น ตลอดจนการตอบคำถามเกี่ยวกับกระบวนการขอใบอนุญาต เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นเรื่องและดำเนินการ ขั้นตอนการดำเนินการ รวมถึงการให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับโครงการอนุรักษ์และการฟื้นฟูดิน เช่น พื้นที่ที่ได้รับการอนุรักษ์ การแนะนำวิธีการอนุรักษ์ทรัพยากรดิน เป็นต้น4

ภาพที่ 2 แสดงการประยุกต์ใช้งานในองค์กร

ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ. (2567). ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ. (2567). รายงานขั้นต้น โครงการพัฒนาระบบบริหาร เชื่อมโยงและให้บริการข้อมูลกลางด้านที่ดินและทรัพยากรดิน ระยะที่ 2

แนวทางการประยุกต์ใช้งานจำเป็นต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจในเชิงเทคนิคที่ถูกต้อง เพื่อพัฒนาระบบและออกแบบวิธีการให้ LLM ทำงานได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีประเภทนี้ยังมีข้อจำกัดของการวิเคราะห์ข้อมูล อีกทั้งต้องตระหนักถึงบริบทของกฎหมายที่นำมาใช้วิเคราะห์อย่างถ่องแท้ เนื่องจากภาษาทางกฎหมายนั้นมีความซับซ้อน อาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้ อย่างไรก็ตาม แนวทางที่วางไว้ในบทความนี้สามารถนำไปขยายต่อโดยใช้เครื่องมือในลักษณะเดียวกันกับข้อมูลประเภทอื่นๆ เพื่อให้เกิดความหลากหลายในการใช้งาน ทำให้ LLM เรียนรู้ผ่านข้อมูลจำนวนมากเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของ AI ในการบริหารจัดการข้อมูล อันนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยี AI Chatbot ในอนาคต เพื่อตอบโจทย์การทำงานในยุคปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


อ้างอิง

1 Dynamic Intelligence Asia. การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในด้านต่างๆ ที่พบได้ในชีวิตประจำวัน. เข้าถึงเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.dia.co.th/articles/ai-in-daily-life/

2 bluebik. (2565). “ปรับตัวไว ใช้เทคโนโลยีเป็น” เพิ่มโอกาสสู่ยอดพีระมิดในกลุ่มธุรกิจอสังหา. เข้าถึงเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2567 จาก https://bluebik.com/th/insights/1227.

3 พีรพัฒ โชคสุวัฒนสกุล. (2566). การประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ข้อมูลในการวิเคราะห์ข้อมูลจากการวิเคราะห์ผลกระทบและประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย. เข้าถึงเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2567 จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/262611/178912view/262611/178912

4 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ. (2567). รายงานขั้นต้น โครงการพัฒนาระบบบริหาร เชื่อมโยง และให้บริการข้อมูลกลางด้านที่ดินและทรัพยากรดิน ระยะที่ 2. 3-14


epetitions

complaint

Slide
Slide

รางวัล คนดีศรี สคทช. ประจำปี 2567

Slide

รางวัล คนดีศรี สคทช. ประจำปี 2567

Slide

รางวัล คนดีศรี สคทช. ประจำปี 2567

Slide

รางวัล คนดีศรี สคทช. ประจำปี 2567

Slide

รางวัล คนดีศรี สคทช. ประจำปี 2567

Slide

รางวัล คนดีศรี สคทช. ประจำปี 2567

Slide

รางวัล คนดีศรี สคทช. ประจำปี 2567

Slide

รางวัล คนดีศรี สคทช. ประจำปี 2567

previous arrow
next arrow