พิธีมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่แจ่ม และป่าลุ่มน้ำแม่ฝาง จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวันพุธที่ 27 เมษายน 2559 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานสักขีพยานในพิธีมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่แจ่ม และป่าลุ่มน้ำแม่ฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาการไร้ที่ดินทำกินของเกษตรกรผู้ยากจน ตามนโยบายรัฐบาล ณ ห้องทองกวาว อาคารนิทรรศการ 2 อุทยานหลวงราชพฤกษ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ข้าราชการ และประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1,000 คน เข้าร่วมงาน ซึ่งในโอกาสนี้ นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางรวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ นายพงศ์บุณย์ ปองทอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรฯ รวมทั้ง ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรฯ เข้าร่วมงานดังกล่าว

โดย พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่แจ่ม ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 3,878 ไร่ 1 งาน 51 ตารางวา และป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำแม่ฝาง ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 2,308 ไร่ ให้แก่นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อส่งมอบให้ประชาชนตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จำนวน 1 ฉบับ และประชาชน ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จำนวน 1 ฉบับ พร้อมมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชน 14 ฉบับ ให้แก่ผู้ใหญ่บ้าน 14 หมู่บ้าน ในตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม รวมถึง มอบบ่อน้ำบาดาลตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้งปีงบประมาณ 2559 จำนวน 11 แห่ง 12 บ่อ ให้แก่ผู้แทนกลุ่มผู้ใช้น้ำโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้งในจังหวัดเชียงใหม่ และมอบโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแก้วพร้อมระบบส่งน้ำให้แก่ผู้แทนกลุ่มผู้ใช้น้ำโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว

นอกจากนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้มอบโล่รางวัลการแก้ไขปัญหาหมอกควัน สำหรับอำเภอที่ลดจำนวนการจุดความร้อนได้มากที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ อำเภอแม่แจ่ม พร้อมมอบเครื่องจักรกลการเกษตร รถอีแต๋น จำนวน 15 คัน ให้แก่เกษตรกรอำเภอหางดง

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในโอกาสที่เดินทางมาพบปะกับประชาชนจังหวัดเชียงใหม่ว่า รู้สึกยินดีที่ได้มาเป็นประธานสักขีพยานในพิธีมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่อำเภอฝาง และอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ตลอดจนการมอบเครื่องจักรกลการเกษตร และปัจจัยการผลิตให้แก่ตัวแทนพี่น้องเกษตรกร อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เห็นถึงความสำคัญของพื้นที่ป่าอันเป็นสมบัติล้ำค่า โดยใช้สอยที่ดินให้คุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในด้านที่อยู่อาศัย ด้านเกษตรกรรมและการลงทุน เพื่อให้ใช้ที่ดินผืนนี้พัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีความกินดีอยู่ดี มีรายได้ที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี และส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลานได้ใช้ประโยชน์ต่อไปในวันข้างหน้า

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมา การจัดสรรที่ดินทำกิน ผู้ที่ได้รับการจัดสรรมักมีการซื้อขายเปลี่ยนสิทธิ์ โดยขายให้กับผู้อื่นหรือนายทุนที่มาใช้พื้นที่ดังกล่าวทำประโยชน์ที่ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของการใช้ที่ดินตามกฎเกณฑ์ของรัฐและเอกสารสิทธิ์ในการแจกที่ดิน ซึ่งปัจจุบันต้องดำเนินคดีทางกฎหมายแก่ผู้ที่ซื้อขายสิทธิ์และมีการรุกล้ำทำการเกษตรอื่นๆ ในพื้นที่ที่เป็นป่าสงวน สำหรับปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า การเผาป่าทำให้เกิดความเสื่อมโทรมของผืนป่า สูญเสียทรัพยากรทางธรรมชาติ เกิดปัญหาหมอกควันทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งการแก้ไขปัญหา ต้องแก้ที่ต้นเหตุ เริ่มจากจิตสำนึกของทุกคน โดยใช้กลไกประชารัฐ และการประสานความร่วมมือในระดับภูมิภาค ทั้งนี้ได้มอบนโยบายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปแก้ปัญหา รักษาป่าต้นน้ำ สร้างความเชื่อมโยงตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงท้ายน้ำ จะต้องดำเนินการสานต่อแนวทางตามพระราชดำริที่ทรงทำไว้เพื่อประชาชน

เรื่องการส่งเสริมพัฒนาอาชีพ จะต้องมีอาชีพทางเลือก สร้างกิจการของชุมชน (Social Business) โดยพัฒนาศักยภาพให้ชุมชนมีการรวมกลุ่มผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตามอัตลักษณ์ของท้องถิ่น พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้า และให้คนในชุมชนช่วยกันบริหารจัดการแบบพึ่งพาตนเอง โดยจะส่งเสริมให้ชุมชนในแต่ละภูมิภาคได้มีการรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง ทั้ง 18 กลุ่มจังหวัด ซึ่งในการนี้ รัฐบาลได้จัดทำหนังสือ Smart Farmer เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรนำไปเป็นแนวทางการประกอบอาชีพเสริม ต่อสู้กับวิกฤตภัยแล้งของประเทศ ตลอดจน จัดทำแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Argri map) เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงข้อมูล และสามารนำข้อมูลไปใช้วางแผนการเกษตรกรรมให้เกิดประสิทธิภาพเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ต่อไป