มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2536 เรื่อง นโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ
โดย นายอนุวัตร จินตกสิกรรม1
นายเอกชัย ระดาพัฒน์2
นางสาวเกษศิรินทร์ ลาภปรากฎ3
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กลุ่มงานวิจัยและวิเคราะห์มาตรการ
“ที่ดิน” เป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ นอกจากเป็นที่อยู่อาศัยแล้วนั้น ปัจจุบันยังถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่า มีราคา สามารถใช้เป็นหลักประกัน เหตุนี้ผู้คนในสังคมจึงมีความต้องการที่จะครอบครองที่ดินเป็นของตนเอง เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและขยายพื้นที่ทางการเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิต รวมทั้งการบุกรุกจับจองที่ดินของนายทุนและการออกโฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิที่ไม่ถูกต้อง โดยไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรภายในประเทศ ขณะที่ที่ดินมีอยู่อย่างจำกัด เกิดปัญหาการขาดแคลนที่ดินทำกิน ส่งผลให้มีการบุกรุกที่ดินของรัฐเป็นจำนวนมาก โดยข้อมูลการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ของกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในช่วงปี พ.ศ. 2558 - 2564 ในปี พ.ศ. 2564 มีสถิติการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ รวม 1,893 คดี และมีพื้นที่ถูกบุกรุกรวม 18,711.32 ไร่ การบุกรุกพื้นที่าไม้ในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พบว่าในปี พ.ศ. 2564 มีคดีบุกรุก 483 คดี และมีพื้นที่ถูกบุกรุกรวม 2,056.24 ไร่ และการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 – 2562 มีคดีรวมทั้งสิ้น 1,330 คดี สูญเสียพื้นที่ป่าชายเลนรวม 52,970.46 ไร่4
ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ โดยเฉพาะการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ดังที่กล่าวมาข้างต้น ถือเป็นปัญหาที่ถูกสะสมมาเป็นระยะเวลานาน และเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ รัฐบาลในขณะนั้น (รัฐบาลนายชวน หลีกภัย) จึงได้กำหนดนโยบายในการเร่งรัดการปฏิรูปที่ดินและการออกเอกสารสิทธิ เพื่อกระจายสิทธิการถือครองที่ดินให้แก่เกษตรกรผู้ยากไร้ และเกษตรกรที่ครอบครองทำกินอยู่ในที่ดินของรัฐประเภทต่าง ๆ โดยการปรับปรุงกลไกการบริหารและการจัดการของรัฐ ตลอดจนจัดสรรงบประมาณให้สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้โดยเฉลี่ยปีละประมาณ 4 ล้านไร่5 โดยต่อมารัฐบาลของนายอานันท์ ปันยารชุน ได้กำหนดให้มีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ พ.ศ. 2535 ขึ้น6 ซึ่งระเบียบดังกล่าวได้กำหนดให้มีคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ หรือ กบร. ขึ้นมาเพื่อเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดย กบร. ในการประชุมเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2536 ได้มีมติเห็นชอบร่างนโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ และคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2536 ได้มีมติเห็นชอบนโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ตามที่ กบร. เสนอ ซึ่งถือว่ามติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวได้วางหลักการสำคัญไว้ว่า รัฐจะไม่ออกเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินแก่ผู้บุกรุกที่ดินของรัฐ แต่จะออกเอกสารสิทธิให้กับประชาชนที่ผ่านกระบวนการพิสูจน์สิทธิในที่ดินว่าได้ครอบครองทำประโยชน์มาก่อนการสงวนหวงห้ามของรัฐ7 และได้วางแนวทางแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐในขณะนั้นไว้ในลักษณะที่เชื่อมโยงกับแนวทางการปฏิรูปที่ดินตามพระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 25188 โดยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ประกอบด้วยสาระสำคัญ 7 ประการ ดังนี้9
- รัฐควรเร่งรัดให้มีการดำเนินการออกเอกสารสิทธิแก่ราษฎร ในกรณีดังต่อไปนี้
- กรณีที่เป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินที่รัฐได้สงวนหวงห้ามไว้ตามกฎหมายและหากพิสูจน์ได้ว่าได้อยู่มาก่อนการสงวนหวงห้ามเป็นที่ดินของรัฐ หรือเป็นหมู่บ้านเก่าที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้อยู่มาแต่ดั้งเดิม หรือครอบครองต่อเนื่องมาจากผู้ครอบครองแต่เดิมมาก่อนการสงวนหวงห้ามเป็นที่ดินของรัฐ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบและจัดทำทะเบียนบัญชีหรือจัดทำแผนงานและโครงการออกเอกสารสิทธิของผู้ครอบครองเหล่านี้ไว้เป็นหลักฐาน
- ราษฎรที่อยู่บริเวณแนวเขตที่ดินของรัฐ ที่ยังมีแนวเขตที่ไม่ชัดเจนให้เร่งดำเนินการสำรวจแนวเขตให้แน่นอน เมื่อรัฐได้สำรวจและจัดทำแนวเขตที่ชัดเจนแล้ว ถ้าปรากฏว่าราษฎรเหล่านี้ครอบครองทำกินอยู่นอกเขตที่ดินของรัฐ ก็ควรพิจารณาดำเนินการออกเอกสารสิทธิให้แก่ราษฎรตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
- รัฐไม่ควรให้เอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินแก่ผู้บุกรุกที่ดินของรัฐ
- ที่ดินของรัฐ (ยกเว้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตพื้นที่ต้นน้ำลำธาร พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 และชั้น 2 พื้นที่สงวนหวงห้ามไว้ใช้ประโยชน์ในราชการ และที่ดินที่ยังไม่หมดสภาพการเป็นที่สาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน) ที่มีผู้บุกรุกครอบครองและรัฐไม่มีความจำเป็นต้องสงวนไว้อีกต่อไป ให้ดำเนินการตามกฎหมายปฏิรูปที่ดินและเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามหลักการปฏิรูปที่ดินให้ได้ผลอย่างแท้จริง สมควรให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
- ในเขตปฏิรูปที่ดิน หากมีผู้บุกรุกถือครองที่ดินและเจ้าของที่ดินต่อต้านการปฏิรูปที่ดิน หรือไม่ให้ความร่วมมือในการกระจายสิทธิการถือครองที่ดิน ให้ ส.ป.ก ดำเนินการโดยขอความร่วมมือจากฝ่ายปกครองหรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามกฎหมายแก่ผู้ต่อต้านโดยเคร่งครัด พร้อมทั้งรายงาน กบร. เพื่อประสานงานแก้ไขปัญหาทุกพื้นที่และทุกราย
- การนำที่ดินของรัฐมาดำเนินการปฏิรูปที่ดินให้ ส.ป.ก พิจารณาดำเนินการจัดเก็บค่าเช่าหรือค่าชดเชยเข้ากองทุนปฏิรูปที่ดิน ตามหลักการและวิธีการในส่วนที่เกี่ยวกับค่าเช่าตาม พ.ร.บ. ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 เพื่อจะได้นำเงินไปใช้ดำเนินการในโครงการพัฒนาพื้นที่ หรือนำไปใช้จัดหาที่ทำกินให้แก่เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินได้เช่าหรือเช่าซื้อต่อไป ทั้งนี้ ควรดำเนินการให้สอดคล้องกับค่าเช่าตาม พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524
- ควรกำหนดเนื้อที่สูงสุดสำหรับสมาชิกแต่ละรายเท่าที่จำเป็นต่อการทำกินแต่ละประเภทตามความเหมาะสม และความอุดมสมบูรณ์ในแต่ละพื้นที่ของเขตปฏิรูปที่ดิน สำหรับพื้นที่ส่วนที่เกินความจำเป็นของสมาชิกแต่ละราย ควรกำหนดเงื่อนไขให้ปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้นต่อไป
- ให้ ส.ป.ก กำหนดมาตรการในการติดตามและตรวจสอบการครอบครองทำประโยชน์ของสมาชิกผู้ได้รับสิทธิแต่ละรายให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดและโดยต่อเนื่องตลอดไป
- ที่สาธารณประโยชน์ ที่ป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรม ที่มีผู้บุกรุกครอบครองทำประโยชน์ แต่มิได้กำหนดเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
- ให้เช่าหรืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์โดยเสียค่าตอบแทนหรือได้รับเอกสารพิเศษที่มีหลักเกณฑ์ทำนองเดียวกับเอกสาร ส.ป.ก. ตามจำนวนเนื้อที่ที่ได้บุกรุกครอบครองทำประโยชน์อยู่เดิมแล้วแต่กรณี แต่ต้องไม่สูงกว่าที่ส่วนราชการที่รับผิดชอบพิจารณาเห็นสมควร ทั้งนี้ โดยให้กำหนดค่าเช่าหรือค่าตอบแทนตามหลักการและวิธีการเกี่ยวกับค่าเช่าตาม พ.ร.บ. ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 กรณีการเช่าในส่วนที่เกินกว่าจำนวนเนื้อที่ที่ส่วนราชการผู้รับผิดชอบเห็นสมควร ให้คิดค่าเช่าหรือค่าตอบแทนในอัตราก้าวหน้า โดยคำนึงถึงอัตราการเช่าตาม พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ด้วย
- ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นผู้เก็บค่าเช่าหรือค่าตอบแทนไว้ โดยให้แบ่งหนึ่งในสามเป็นกองทุนพัฒนาชนบทและจังหวัด และอีกสองในสามเป็นกองทุนพิทักษ์ป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่นั้น ๆ
- กำหนดเงื่อนไขให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น ในพื้นที่ส่วนที่เกินความจำเป็นต่อการทำกินของเกษตรกรแต่ละราย ตามความอุดมสมบูรณ์และความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ กรณีที่มีความจำเป็นในแง่การอนุรักษ์ หรือการป้องกันการแพร่กระจายดินเค็ม ก็ควรกำหนดเงื่อนไขห้ามใช้พื้นที่ทำนาหรือทำพืชไร่ หรือกำหนดมาตรการฟื้นฟูที่เหมาะสมต่อไป
- ให้จัดสรรงบประมาณแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการผลิตกล้าไม้ผล ไม้ยืนต้น อย่างเพียงพอ ที่จะบริการแก่เกษตรกรในราคาต้นทุนในทุกพื้นที่ที่จะดำเนินการตามข้อ 4 และให้จัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการจัดทำแนวเขตพื้นที่สงวนหวงห้ามของรัฐให้ชัดเจนและถาวรในทุกโครงการของทุกส่วนราชการ
- ในกรณีที่มีการดำเนินคดีแก่ผู้บุกรุกที่ดินของรัฐ และเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ดำเนินการบังคับคดีโดยทันที พร้อมทั้งให้รายงานกระทรวงต้นสังกัด และ กบร. ทราบด้วย ห้ามมิให้ละเลย ปล่อยทิ้งเป็นเวลาเนิ่นนาน ทั้งนี้ ควรมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้ตรวจราชการของหน่วยงานต้นสังกัดที่เกี่ยวข้องติดตามการบังคับคดีต่อไปจนเสร็จสิ้นคดี
- ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี และหรือให้แก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบที่ไม่สอดคล้องหรือขัดแย้งกับนโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐข้างต้น
แม้ว่าปัจจุบันจะได้มีการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ซึ่งส่งผลเป็นการยกเลิกคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.)10 และทำให้การดำเนินนโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวของ กบร. ต้องกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562 โดยที่ กบร. ในการประชุมเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ได้มีมติเห็นชอบให้นำนโยบายแก้ไขปัญหาและป้องกันการบุกรุกที่ดินของรัฐ ตามมาตรการของ กบร. ไปเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการของ คทช. รวมถึงให้มีการโอนอำนาจหน้าที่ของ กบร.จังหวัด กบร.กทม. และคณะอนุกรรมการพิจารณาผลการพิสูจน์สิทธิของ กบร.จังหวัดนครสวรรค์ ในฐานะกลไกการขับเคลื่อน การดำเนินงานของ กบร. ไปเป็นอำนาจหน้าที่เพิ่มเติมของคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด (คทช.จังหวัด) และเสนอ คทช. ให้พิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ เป็นคณะอนุกรรมการภายใต้ คทช. อีกคณะหนึ่ง11 ซึ่งปัจจุบัน คทช. ได้กำหนดให้มีมาตรการของ คทช. เรื่อง การพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ และมาตรการของ คทช. เรื่อง ขั้นตอนและวิธีการดำเนินงานอ่านภาพถ่ายทางอากาศ รวมถึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐจังหวัด (คพร.จังหวัด) และคณะอนุกรรมการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อรองรับการขับเคลื่อนนโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐที่ได้รับการถ่ายโอนมาจาก กบร. ตามที่กล่าวมาข้างต้น12
นอกจากนี้ คทช. ยังได้กำหนดให้มีนโยบายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในลักษณะแปลงรวมโดยมิให้กรรมสิทธิ์ แต่อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐเป็นกลุ่มหรือชุมชนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ คทช. กำหนดในรูปแบบสหกรณ์ หรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2558 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 เรื่อง พื้นที่เป้าหมายและกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท) เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ป่าไม้หรือที่ดินของรัฐประเภทต่าง ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ซึ่งถือเป็นการผ่อนปรนเชิงนโยบายให้กับประชาชนและแก้ไขปัญหาที่ถูกสะสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน
จะเห็นได้ว่า แม้รัฐบาลจะได้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ และคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) แต่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2536 เรื่อง นโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ยังคงมีผลในแง่ของการวางหลักการที่สำคัญในการดำเนินนโยบายและแนวทางแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐที่ว่า “รัฐจะไม่ออกเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินแก่ผู้บุกรุกที่ดินของรัฐ แต่จะออกเอกสารสิทธิให้กับประชาชนที่ผ่านกระบวนการพิสูจน์สิทธิในที่ดินว่าได้ครอบครองทำประโยชน์มาก่อนการสงวนหวงห้ามของรัฐ” ซึ่งยังคงเป็นกรอบในการกำหนดนโยบายของ คทช. และการดำเนินนโยบายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน ควบคู่กับการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาผ่านกับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2558 และการกำหนดพื้นที่เป้าหมายและกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการผ่อนปรนเชิงนโยบายของภาครัฐและการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาการบุกรุก/การอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินของรัฐอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายที่มีความเปลี่ยนแปลงไปจากรายละเอียดบางประการของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2536 ทั้งนี้ เพื่อให้นโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐสอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนจะนำเสนอรายละเอียดและสาระสำคัญ ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2558 และเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ในบทความมติคณะรัฐมนตรีที่ประชาชนควรรู้ในลำดับต่อไป
อ้างอิง
1 นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
2 นักวิเคราะห์นโยบายและแผน กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
3 เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้านงานสนับสนุนและงานวิชาการ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
4 สำนักงานคณะกรรมโยบายที่ดินแห่งชาติ. (2566). แผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (พ.ศ. 2566 - 2570), หน้า 71.
5 เว็บไซต์รัฐบาลไทย. คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภา วันพุธที่ 13 ตุลาคม 2535. สืบค้นจาก https://www.thaigov.go.th/aboutus/history/policy/14 เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2566.
6 ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ พ.ศ. 2535 ต่อมาได้มีการปรับปรุง แก้ไข และเปลี่ยนแปลงมาอย่างต่อเนื่อง รวมจำนวนทั้งสิ้น 3 ครั้ง ได้แก่ (1) ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2538 (2) ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ พ.ศ. 2545 และ (3) ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2547
7 ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 – 2564) กบร. ได้กำหนดให้มีมาตรการของ กบร. ขึ้นมาจำนวน 2 มาตรการ สำหรับใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินงาน ได้แก่ มาตรการของ กบร. เรื่อง การพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ และมาตรการของ กบร. เรื่อง ขั้นตอนและวิธีการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ
8 อนุวัตร จินตกสิกรรม. (2563). ที่มาและพลวัตของนโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ พ.ศ. 2545, หน้า 81 – 82.
9 หนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0206/6179 ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2536 เรื่อง นโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ.
10 ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ พ.ศ. 2545 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2547, ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 139 ตอนพิเศษ 181 ง (4 สิงหาคม 2565).
11 รายงานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564, หน้า 8 – 11.
12 รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564, หน้า 24 – 28. และคำสั่งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่ 1/2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ และเพิ่มเติมองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจของคณะอนุกรรมการ สั่ง ณ วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2564.