ปัจจุบัน กองที่ดินของรัฐ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ ได้นำชุดโปรแกรมสำหรับงานโฟโตแกรมเมตรีมาประยุกต์ใช้ในการจัดทำข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศสำหรับการมองภาพสามมิติ เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดินของรัฐ ...
โดย นางสาวปาริชาติ ชมภูชัยเกิด
นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ
กองที่ดินของรัฐ กลุ่มงานวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศ
บทความนี้เนื้อหาหลักจะประกอบไปด้วย ความหมายของโฟโตแกรมเมตรี ความหมายของภาพถ่ายทางอากาศและการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ การประยุกต์ใช้งานและผลผลิตจากกระบวนการทางโฟโตแกรมเมตรี รวมถึงการประยุกต์ใช้โฟโตแกรมเมตรีกับการอ่านภาพถ่ายทางอากาศของคณะอนุกรรมการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ
ความหมาย
โฟโตแกรมเมตรี (Photogrammetry) เป็นองค์ความรู้ซึ่งเกิดจากการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปะ เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีในการวัดและการถ่ายภาพ เป็นเทคนิคในการเขียนและกำหนดภาพสามมิติของวัตถุ อาคาร หรือพื้นที่ใดๆ จากภาพถ่ายสองมิติ1
โฟโตแกรมเมตรี (Photogrammetry) เป็นคำผสมมีรากศัพท์มาจากภาษากรีก ประกอบด้วย คำว่า Phos หมายถึง แสง Gramma หมายถึง การวาดหรือเขียนขึ้นมา และ Metron หมายถึง การวัด รวมแล้วหมายถึง เทคนิคในการวัดโดยใช้ภาพถ่ายสองมิติเป็นเครื่องมือหลักในการทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นภาพสามมิติ กระบวนการทำงานจะใช้หลักการในการสร้างความสัมพันธ์ของวัตถุ ทิศทาง และระยะทางจากภาพถ่าย ซึ่งสามารถอ้างอิงได้ด้วยทฤษฎีทางด้านเรขาคณิต2 โดยราชบัณฑิตยสถานได้บัญญัติศัพท์คำนี้เป็นภาษาไทยว่า “การทำแผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศ”
ภาพถ่ายทางอากาศ (Aerial Photograph) หมายถึง ภาพถ่ายทางอากาศที่ได้จากการถ่ายภาพจากจุดหนึ่งจุดใดเหนือขึ้นไปจากพื้นที่ทำการถ่ายภาพ โดยที่กล้องถ่ายภาพหรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้ในการถ่ายภาพนั้นติดตั้งบนอากาศยาน (Airbonrne Vehicle) ซึ่งอาจเป็นเครื่องบิน บอลลูน หรืออากาศยานอื่น3
การอ่านภาพถ่ายทางอากาศ (Areial Photo Reading) หมายถึง การอ่านให้รู้รายละเอียดหรือวัตถุที่เห็นในภาพถ่าย มีรูปร่าง ขนาดอย่างไร ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ การตรวจพบ (Detection) เป็นการเห็นหรือรับรู้ว่ามีวัตถุ การรู้จัก (Recognition) จากลักษณะต่าง ๆ ในภาพถ่าย และต่อเนื่องมายังการพิสูจน์ทราบ (Identification) ของรายละเอียดที่ปรากฏบนภาพถ่ายทางอากาศ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การสื่อความหมายในบทความนี้มีความชัดเจน ถูกต้องตามหลักวิชาการ หากผู้เขียนกล่าวถึงการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ ได้หมายความรวมถึง การอ่าน แปล ตีความภาพถ่ายทางอากาศ (Aerial Photo Interpretation) ซึ่งหมายถึงขั้นตอนที่ผู้ใช้ภาพถ่ายทางอากาศรู้ลึกซึ้งกว่าการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ โดยต้องทราบถึงความหมายของสิ่งที่เห็นในภาพ ซึ่งจะต้องใช้การวิเคราะห์ (Analysis) รายละเอียดจากภาพถ่าย โดยอาศัยลักษณะต่างๆ ในภาพถ่ายทางอากาศร่วมด้วย เช่น ขนาด สี ความสัมพันธ์ เงา เป็นต้น ต่อด้วยการจำแนก (Classification) เปรียบเทียบแต่ละหน่วย และขั้นสุดท้ายการลงความเห็นโดยพิจารณาจากเหตุผล (Deduction) ที่ได้รวบรวมและความรู้จากแหล่งต่าง ๆ มาพิจารณารวมกัน
ซึ่งจากความหมายของงานทางโฟโตแกรมเมตรี สามารถแบ่งออกได้ 2 ลักษณะ4 คือ
- โฟโตแกรมเมตรีที่เกี่ยวกับการรังวัดภาพ (Metric Photogrammetry) ซึ่งรวมการรังวัดอย่างละเอียดและการคำนวณ เพื่อให้ได้ขนาดของวัตถุ
- โฟโตแกรมเมตรีที่เกี่ยวกับการแปลภาพ (Interpretation Photogrammetry) ซึ่งเป็นการปฏิบัติเกี่ยวกับการรู้จัก (Recognition) พิสูจน์ทราบ (Identification) และการชี้จำแนก (Classification)
การประยุกต์ใช้งานและผลผลิตจากกระบวนการทางโฟโตแกรมเมตรี
โฟโตแกรมเมตรี ได้นำไปประยุกต์ใช้ในงานหลากหลายด้าน เช่น วิศวกรใช้แผนที่ภูมิประเทศในการวางแผนและดำเนินการก่อสร้างต่างๆ เนื่องจากโดยส่วนมากแผนที่ภูมิประเทศยุคใหม่ สร้างขึ้นด้วยวิธีการทางโฟโตแกรมเมตรี นักโบราณคดีใช้ในการวิเคราะห์ภาพถ่าย ทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน รวมทั้งภาพชนิดอื่นๆ สำหรับการรังวัดและตีความหาอายุของโบราณวัตถุ การตีความภาพถ่ายในเรื่องรูปร่างและลักษณะทางธรณีวิทยา นักผังเมืองอาศัยภาพถ่ายทางอากาศและภาพดาวเทียมเพื่อศึกษาการใช้ที่ดิน นักสำรวจใช้ภาพถ่ายทางอากาศและวิธีการทางโฟโตแกรมเมตรีในรูปแบบต่างๆ ในการวางแผนการสำรวจ การพิสูจน์ทราบและกำหนดตำแหน่ง รวมทั้งการพิสูจน์ทราบชนิดพันธุ์พืชและดินสามารถกระทำได้โดยการตรวจสอบและตีความจากภาพถ่ายทางอากาศ
การเก็บรวบรวมข้อมูลชนิดต่างๆ เข้าสู่ฐานข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์กระทำได้โดยใช้ระบบโฟโตแกรมเมตรี ซึ่งผลผลิตที่ได้อาจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- ผลผลิตที่เป็นภาพ (Image Products) คือ รูปแบบของภาพที่แสดงวัตถุเดิมที่อาจอยู่ในรูปแบบสามมิติ โดยแสดงออกมาในลักษณะสองมิติ ตัวอย่างเช่น ภาพถ่ายทางอากาศ ที่ใช้สำหรับการตีความและวางแผนทั่วไป ภาพถ่ายขาวดำหรือภาพสีที่ได้จากการกำหนดสีให้กับแถบสเปกตรัมต่างๆ ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ภาพเหล่านี้สามารถนำไปใช้สำหรับการตีความและวางแผนทั่วไปในพื้นที่ที่ถ่ายภาพมา ภาพต่อของภูมิประเทศด้วยการโมเสค (Mosaic) ภาพดัดแก้ (Rectified Image) เป็นภาพที่ได้รับการขจัดการเอียงของกล้องในขณะถ่ายภาพออกไป แต่ยังคงมีความสูงต่ำของภูมิประเทศปรากฏอยู่ โดยมาตราส่วนในภาพแปรผันไปตามลักษณะภูมิประเทศ และภาพออร์โท (Orthophoto) ซึ่งเป็นภาพของภูมิประเทศที่สร้างจากคู่ภาพซ้อนกันโดยที่มีปรับแก้เชิงเรขาคณิตของภาพออกไป ภาพถ่ายออร์โทสามารถนำไปใช้ได้ลักษณะเดียวกับแผนที่ทางราบ (Planimetric Map) เนื่องจากมีมาตราส่วนคงที่ ถ้านำเส้นชั้นความสูงมาซ้อนทับบนภาพออร์โท ก็จะได้แผนที่ออร์โทที่สามารถนำไปใช้เช่นเดียวกับแผนที่ภูมิประเทศ
- ผลผลิตที่เป็นจุดและข้อมูลแบบจุดพิกัด (Point and Vector Products) โดยผลผลิตที่เป็นจุดคือผลผลิตที่ทราบค่าพิกัดสามมิติของแต่ละจุด ซึ่งค่าพิกัดอาจอยู่ในระบบพิกัดภาคพื้นดินหรือบางครั้งอาจอยู่ในระบบพิกัดอื่น เช่น แบบจำลองความสูงเชิงเลข (Digital Elevation Model, DEM) ที่เป็นการเก็บลักษณะพื้นผิวของภูมิประเทศในคอมพิวเตอร์ โดยผลผลิตที่เป็นข้อมูลแบบจุดพิกัดจะใช้แสดงรายละเอียดที่อยู่ในภูมิประเทศหรือรายละเอียดของวัตถุที่เป็นโครงสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้น ตัวอย่างของผลผลิตนี้ คือ แผนที่ลายเส้น (Line Map) เช่น แผนที่ทางราบ แผนที่แสดงเส้นชั้นความสูง แผนที่ภูมิประเทศ เป็นต้น5
การประยุกต์ใช้โฟโตแกรมเมตรีกับการอ่านภาพถ่ายทางอากาศของคณะอนุกรรมการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ
ผู้เขียนได้จำแนกการประยุกต์ใช้โฟโตแกรมเมตรีกับการอ่านภาพถ่ายทางอากาศของคณะอนุกรรมการอ่านภาพถ่ายทางอากาศออกเป็น 3 กระบวนการหลัก คือ
- กระบวนการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งดำเนินการโดยกรมแผนที่ทหาร เป็นผลผลิตที่เกิดจากกระบวนการโฟโตแกรมเมตรีที่เกี่ยวกับการรังวัดภาพ (Metric Photogrammetry) ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะภาพถ่ายทางอากาศคู่ซ้อน ขนาด 9" x 9" ที่ใช้สำหรับงานด้านการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ ในรูปแบบกระดาษโบรไมด์ และในรูปแบบภาพดิจิทัลที่ได้จากการสแกนด้วยเครื่องสแกนเนอร์สำหรับงานรังวัดด้วยภาพโดยเฉพาะซึ่งมีรายละเอียดสูง โดยภาพถ่ายทางอากาศที่เหมาะสำหรับงานแปลตีความ จะต้องเป็นภาพที่เกิดจากการบันทึกในแนวบินใด ๆ ต่อเนื่องกันและมีส่วนที่ปรากฏอยู่บนภาพถ่ายทางอากาศซ้อนกันอยู่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เพื่อการมองเห็นเป็นภาพสามมิติ
- กระบวนการสร้างระวางแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ มาตราส่วน 1 : 4000 ซึ่งดำเนินการโดยกรมที่ดิน ดำเนินการได้ 2 วิธี6 คือ
- วิธีการปรับแก้ภาพถ่ายทางอากาศแบบภาพถ่ายเดี่ยว (Single Photo Rectification) เป็นการปรับแก้ทางเรขาคณิตของภาพถ่ายทางอากาศโครงการ WWS7 และ VAP618 ตามหลักวิชาการด้านโฟโตแกรมเมตรี โดยการปรับแก้จะหาความสัมพันธ์ระหว่างภาพกับภาพ หรือภาพกับแผนที่ฐาน โดยการกำหนดตำแหน่งที่เหมือนกันทั้งสองภาพด้วยหมุดบังคับภาพภาคพื้นดิน ซึ่งวิธีดังกล่าวจะดำเนินการในพื้นที่ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบ หรือมีความแตกต่างของระดับความสูงของภูมิประเทศน้อย
- วิธีการปรับแก้ภาพถ่ายทางอากาศแบบภาพถ่ายคู่ (Ortho Photo Rectification) เป็นวิธีที่ใช้สร้างระวางแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศในบริเวณที่มีความแตกต่างทางระดับความสูงของภูมิประเทศ และเป็นพื้นที่ที่ต้องจัดสร้างระวางจำนวนหลายระวาง หรือเรียกว่าการสร้างบล็อคงานภาพถ่ายทางอากาศ เป็นการปรับแก้ความเอียงและมาตราส่วนจากภาพถ่ายคู่ที่มีการรังวัดประมวลผลขยายหมุดบังคับภาพ เพื่อใช้เป็นหมุดบังคับภาพถ่ายทางอากาศต่อเนื่อง และการทำโครงข่ายสามเหลี่ยมทางอากาศ ตามหลักวิชาการด้านโฟโตแกรมเมตรี โดยมีการกำหนดค่าเริ่มต้นของบล็อคงาน ได้แก่ เส้นโครงแผนที่ ค่าความสูงบิน และค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ของกล้องถ่ายภาพทางอากาศ
- กระบวนการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ ถูกจำแนกให้เป็นโฟโตแกรมเมตรีที่เกี่ยวกับการแปลภาพ (Interpretation Photogrammetry) ซึ่งต้องใช้ผลผลิตที่ได้จากโฟโตแกรมเมตรีจากกระบวนการที่ 1 และ 2 ร่วมกับซอฟต์แวร์ด้านโฟโตแกรมเมตรีและเครื่องมือสำหรับการมองภาพสามมิติ โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ มีเครื่องมือและซอฟต์แวร์สนับสนุนงานด้านการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ ดังนี้
- เครื่องมือมองภาพสามมิติเชิงทัศน์ หมายถึง อุปกรณ์ที่ประกอบด้วยเลนส์ ปริซึม และกระจก หรือวัสดุโปร่งแสงที่ทำหน้าที่หักเหแสง ขยายแสง ประกอบกันทำให้ภาพสามมิติปรากฏแก่สายตา ได้แก่แว่นมองภาพสามมิติชนิดพกพา (Pocket Stereoscope) และกล้องมองภาพสามมิติ (Mirror Stereoscope)
- เครื่องช่วยมองภาพสามมิติชนิดดิจิทัล คือ อุปกรณ์หรือเครื่องช่วยมองภาพสามมิติจากการฉายบนหน้าจอ ตามหลักการของภาพต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะต่อการมองเห็นภาพเป็นสามมิติ แต่แตกต่างจากเดิมคืออยู่ในรูปแบบของดิจิทัลไฟล์โดยผ่านการประมวลผลด้วยซอฟต์แวร์ด้านโฟโตแกรมเมตรีและถูกแสดงผลที่หน้าจอ โดยผ่านอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ทำให้ภาพซ้าย ปรากฏในสายตาซ้าย และภาพขวา ปรากฏต่อสายตาขวาได้ ก็จะเกิดประสาทสัมผัสทำให้มองเห็นเป็นภาพสามมิติได้ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวมีทั้งรูปแบบจอภาพเพื่อการแสดงผลคู่ภาพสามมิติ (3D Stereo Photogrammetry) ที่ต้องใช้แว่นตารองรับงานสามมิติ และแบบที่สามารถดูภาพสามมิติได้โดยตรง ซึ่งถือได้ว่ามีประสิทธิภาพต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้อ่านแปลตีความเป็นอย่างมาก เนื่องจากภาพถ่ายทางอากาศมีความคมชัด สามารถขยายมาตราส่วนของภาพได้ตามพื้นที่ในขณะที่ภาพยังคงเป็นสามมิติ มีความถูกต้องเชิงตำแหน่ง และส่งผลเสียต่อสายตาของเจ้าหน้าที่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับการมองภาพด้วยเครื่องมือมองภาพสามมิติเชิงทัศน์
- ชุดโปรแกรมสำหรับงานโฟโตแกรมเมตรี (Photogrammetry) เพื่อใช้ในการจัดทำข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศสำหรับการมองภาพสามมิติ
อย่างไรก็ตาม การประยุกต์ใช้โฟโตแกรมเมตรีกับการอ่านภาพถ่ายทางอากาศของคณะอนุกรรมการอ่านภาพถ่ายทางอากาศตามที่ผู้เขียนได้กล่าวข้างต้นเป็นเพียงการจำแนกกระบวนการหลักเท่านั้น ซึ่งในแต่ละกระบวนการยังคงมีอีกหลายขั้นตอนที่มีการใช้โฟโตแกรมเมตรีที่ผู้เขียนมิได้กล่าวถึง เนื่องจากกระบวนการทำงานค่อนข้างมีความเฉพาะด้าน ซึ่งหากผู้อ่านท่านใดต้องการศึกษาอย่างละเอียดเพิ่มเติม สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากเอกสารและแหล่งค้นคว้าตามที่ผู้เขียนได้อ้างอิงไว้
ปัจจุบัน กองที่ดินของรัฐ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ ได้นำชุดโปรแกรมสำหรับงานโฟโตแกรมเมตรีมาประยุกต์ใช้ในการจัดทำข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศสำหรับการมองภาพสามมิติ เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดินของรัฐตามภารกิจ เนื่องจากมีคุณสมบัติเฉพาะที่สำคัญคือสามารถใช้ในการกำหนดค่าพิกัดของภาพถ่ายทางอากาศ มองภาพสามมิติในรูปแบบดิจิทัล และเพิ่มรูปแบบการขีดขอบเขตผลการอ่านภาพถ่ายทางอากาศลงบนระวางแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งแต่เดิมดำเนินการขีดขอบเขตในรูปแบบกระดาษก่อนแล้วแปลงมาเป็นรูปแบบดิจิทัล อีกทั้ง สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านภาพถ่ายทางอากาศของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากภาพถ่ายทางอากาศมีความคมชัด สามารถขยายมาตราส่วนของภาพได้ตามพื้นที่ในขณะที่ภาพยังคงเป็นสามมิติ มีความถูกต้องเชิงตำแหน่ง และส่งผลเสียต่อสายตาของเจ้าหน้าที่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับการมองภาพด้วยเครื่องมือมองภาพสามมิติเชิงทัศน์ นอกจากนั้น การอ่านภาพถ่ายทางอากาศด้วยระบบดิจิทัลดังกล่าว ยังคงเพิ่มขีดความสามารถในการมองภาพสามมิติในพื้นที่ที่ยากต่อการมองสามมติด้วยการใช้เครื่องมือมองภาพสามมิติเชิงทัศน์แบบเดิมในประเภทแว่นมองภาพสามมิติ ชนิดพกพา (Pocket Stereoscope) และกล้องมองภาพสามมิติ (Mirror Stereoscope)
สำหรับงานด้านโฟโตแกรมเมตรี และการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ เป็นการดำเนินงานที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้อย่างชัดเจน มีความเป็นวิชาชีพเฉพาะด้าน ซึ่งต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่มีองค์ความรู้เฉพาะ ซึ่งยังมีจำนวนจำกัด ดังนั้น ในทัศนะของผู้เขียน จึงจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีการสร้างบุคลากรทางด้านนี้เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนบุคลากรทางสายงานนี้ก็ควรทำความเข้าใจและเปิดรับเทคโนโลยีทางด้านโฟโตแกรมเมตรีที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ รวมทั้งศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับงานด้านโฟโตแกรมเมตรีทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในงานด้านการอ่านภาพถ่ายทางอากาศมากกว่าการใช้เทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่อดีตเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า งานด้านโฟโตแกรมเมตรี และศักยภาพของบุคลากรควรได้รับการพัฒนาแบบควบคู่กันไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง โดยหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานได้มีแนวทางการพัฒนาควบคู่มาโดยตลอด เช่นเดียวกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่ได้เล็งเห็นความสำคัญและพยายามผลักดันและส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของบุคคลากรทางด้านนี้เป็นอย่างมาก อีกทั้งมีความพยายามนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ในด้านการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ เช่น การสนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการการพิสูจน์สิทธิในเขตที่ดินของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประยุกต์ใช้ในงานอ่านภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการศึกษาดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่องานด้านโฟโตแกรมเมตรีและงานด้านการอ่านภาพถ่ายทางอากาศมากกว่าที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ด้วยศักยภาพของมนุษย์ที่มีอย่างไร้ขีดจำกัดในการพัฒนาเทคโนโลยี ในอนาคตอาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านโฟโตแกรมเมตรีกับการอ่านภาพถ่ายทางอากาศให้มีบทบาทในการพัฒนาประเทศไทยมากกว่าปัจจุบัน ตลอดจนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการที่ดินของประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม ทัดเทียมกับนานาประเทศ และเป็นที่ยอมรับในระดับสากลต่อไป
อ้างอิง
1 ชาญณรงค์ ศรีสุวรรณ, “โฟโตแกรมเมตรีกับงานอนุรักษ์สถาปัตยกรรม : ทบทวนองค์ความรู้และความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้กับงานสถาปัตยกรรมไทย,” หน้าจั่ว ว่าด้วยประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม และสถาปัตยกรรมไทย ฉบับที่ 9 (กันยายน 2555 - สิงหาคม 2556), หน้า 160.
2 เพิ่งอ้าง, หน้า 160-161.
3 กองที่ดินของรัฐ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ. คู่มือการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ อ่านภาพถ่ายทางอากาศ, หน้า 3.
4 กิตติศักดิ์ ศรีกลาง. (2559). เอกสารประกอบรายวิชาการสำรวจด้วยภาพถ่ายทางอากาศ (Aerial Photogrammetry) โรงเรียนกรมแผนที่ กรมแผนที่ทหาร, หน้า 1.
5 เพิ่งอ้าง, หน้า 8-13.
7 ขั้นตอนการสร้างระวางแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศทั้ง 2 วิธี โดยกรมที่ดิน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 3 หน้า 9-14
8 ภาพถ่ายทางอากาศโครงการ WWS (World Wide Survey) บันทึกภาพช่วงปี พ.ศ. 2495-2499
9 ภาพถ่ายทางอากาศโครงการ VAP61 (VERTICAL ARIAL PHOTOGRAP PROJECT) บันทึกภาพช่วงปี พ.ศ. 2506-2513