ระยะเวลา 2 ปี ของการขับเคลื่อนการดำเนินการตามกรอบนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ พ.ศ. 2566 – 2580 ก่อให้เกิดเกิดผลงานที่สำคัญ นานัปการ ...
โดย นางสุขฤทัย ภคกษมา1
นางสาววรัญญา ศีลาเจริญ2
นางสาวนฤมล สู่เสรีดำรง3
นางสาวภัทริยา ดู่สันเทียะ4
นางสาวภรณ์ณภัส คงสรรพ5
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กลุ่มงานนโยบายและแผน
จากบทความที่ผ่านมา “ก้าวเดิน ... เพื่อการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน”6 ที่ได้กล่าวถึงความเป็นมาและสาระสำคัญของนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ พ.ศ. 2566 – 2580 ซึ่งเปรียบเสมือนก้าวแรกที่สำคัญในการกำหนดกรอบนโยบายและทิศทางหลักระยะยาวสำหรับการบริหารจัดการเชิงนโยบาย และก้าวที่สองของการแปลงนโยบายที่ดินฯ สู่การปฏิบัติให้เห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรมผ่านแผนระยะกลาง 5 ปี คือ แผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ พ.ศ. 2566 – 2570 ซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วน และก้าวเดินต่อมาที่สำคัญไม่แพ้ก้าวก่อนหน้า คือ การขับเคลื่อนการดำเนินการตามกรอบนโยบายที่ดินฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายต่างๆ เพื่อเอกภาพในการบริหารจัดการ อันจะนำความสุขอย่างยั่งยืนมาสู่ประชาชน
โดยตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา นับแต่ประกาศใช้นโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ พ.ศ. 2566 – 2580 สคทช. ได้ขับเคลื่อนการดำเนินการตามกรอบนโยบายและแผนฯ ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจากทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการดำเนินการภายใต้กรอบนโยบายหลัก 4 ด้าน ได้แก่ 1) การสงวนหวงห้ามที่ดินของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ และการรักษาความสมดุลทางธรรมชาติ 2) การใช้ที่ดินและทรัพยากรดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด 3) การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และ 4) การบูรณาการและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินอย่างมีเอกภาพ7 ซึ่งมีผลการดำเนินงานก้าวหน้าตามลำดับและเกิดผลงานที่สำคัญๆ นานัปการ ทั้งนี้ การดำเนินการด้านที่ดินและทรัพยากรดินภายใต้กรอบนโยบายหลักนั้นเป็นไปในลักษณะของการเชื่อมโยงและบูรณาการในหลายประเด็นนโยบายร่วมกันเพื่อให้เห็นผลเชิงประจักษ์ เนื่องจากที่ดินเป็นทุนทางธรรมชาติอันเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการผลิตที่จะช่วยพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนตอบสนองความต้องการพื้นฐานทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ที่ควรคงไว้ซึ่งความสามารถในการใช้ประโยชน์ของคนรุ่นหลังอย่างยั่งยืน โดยบทความนี้ ผู้เขียนจะขอนำเสนอส่วนหนึ่งของผลงานการขับเคลื่อนที่สำคัญในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2566 - 2567) ที่เห็นผลเชิงประจักษ์และเป็นที่รับทราบ ภายใต้กรอบนโยบายหลักแต่ละด้าน สรุปได้ดังนี้

ประเด็นนโยบายด้านที่ 1: การสงวนหวงห้ามที่ดินของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ และการรักษาความสมดุลทางธรรมชาติ
- การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) เพื่อแก้ไขปัญหาการทับซ้อนของแนวเขตที่ดินของรัฐแต่ละประเภท ภายใต้หลักการ “หนึ่งพื้นที่ หนึ่งหน่วยงานรับผิดชอบ (One Land One Law)” เพื่อให้ประเทศไทยมีแนวเขตที่ดินของรัฐที่ถูกต้อง ทันสมัย และอยู่บนมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ โดยได้ดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ ตามหลักเกณฑ์ของ One Map และแบ่งพื้นที่ดำเนินการเป็น 7 กลุ่มจังหวัด (กลุ่มจังหวัดละ 11 จังหวัด) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 13 หน่วยงาน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มที่สำคัญในการจัดทำเส้นแนวเขตที่ดินของรัฐให้มีความชัดเจน เพื่อบริหารจัดการที่ดินและสงวนหวงห้ามที่ดินของรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาข้อพิพาทหรือความขัดแย้งเกี่ยวกับแนวเขตที่ดินระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง และระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชน ส่งผลให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างถูกต้อง ไม่รุกล้ำที่ดินของรัฐ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมุ่งหวังให้การดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินรัฐฯ (One Map) แล้วเสร็จ ภายในปี พ.ศ. 2570 บรรลุตามเป้าหมายของแผนฯ โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแล้ว ในพื้นที่ดำเนินการกลุ่มจังหวัดที่ 1 – 4 (รวมจำนวน 44 จังหวัด) ตาม มติ ครม. เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 และวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ตามลำดับ นอกจากนี้ ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อลดขั้นตอนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐฯ (One Map) ขับเคลื่อนการจัดทำแผนที่แนบท้ายกฎหมายในรูปแผนที่ดิจิทัล โดยพิจารณาแนวทางการทำแผนที่ดิจิทัล และเทคโนโลยีดาวเทียมมาใช้ในการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล และขณะเดียวกันได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินการดังกล่าว โดยเตรียมการรองรับการดำเนินการดังกล่าว ตามแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนในกรณีต่างๆ ด้วยการพัฒนามาตรการและแนวทางช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสนับสนุนการดำเนินการที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสมและสอดรับกับความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง
- การพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ โดยเป็นการทำข้อเท็จจริงให้ปรากฏในกรณีที่เกิดข้อโต้แย้งหรือข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้ได้ข้อยุติว่าฝ่ายใดครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินมาก่อนกันและควรมีสิทธิดีกว่า ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้ง/ข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชน และให้ความเป็นธรรมกับประชาชนได้มีโอกาสในการได้รับเอกสารสิทธิในที่ดิน โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สามารถดำเนินการพิสูจน์สิทธิเพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชน ได้กว่า 1,500 แปลงต่อปี ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้8 นอกจากนี้ ได้มีการศึกษาเพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการพิสูจน์สิทธิในเขตที่ดินของรัฐให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ผ่านการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการอ่านภาพถ่ายทางอากาศด้วยชุดโปรแกรมโฟโตแกรมเมตรี (Photogrammetry) รวมทั้ง การศึกษาเพื่อนำเทคโนโลยีมาช่วยในการลดระยะเวลาดำเนินการ โดยการศึกษาเพื่อออกแบบและพัฒนาระบบการอ่านภาพถ่ายทางอากาศด้วยนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) มาดำเนินการในพื้นที่นำร่อง (จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดแม่ฮ่องสอน) ซึ่งเป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 เรื่อง การช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคไฟฟ้า ประปา และการเร่งรัดดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ โดยผ่อนผันมติ ครม. เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2546 เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในที่ดินของรัฐ
ประเด็นนโยบายด้านที่ 2: การใช้ที่ดินและทรัพยากรดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- การแก้ไขปัญหาที่ดินที่ถูกทิ้งร้างหรือไม่ได้ใช้ประโยชน์ของประเทศ เพื่อให้การใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐและเอกชนเกิดประโยชน์สูงสุด สะท้อนผ่านสัดส่วนที่ดินที่ถูกทิ้งร้างหรือไม่ได้ใช้ประโยชน์ของประเทศลดลง (ร้อยละ 3 ภายในปี พ.ศ. 2570) โดยการจัดทำร่างคำนิยามที่ดินที่ถูกทิ้งร้างหรือไม่ได้ใช้ประโยชน์ของประเทศ สำหรับเป็นนิยามเพื่อเป็นแนวทางสำหรับการบริหารจัดการที่ดินของประเทศ โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลที่ดินที่ถูกทิ้งร้างฯ เป็นประจำทุกปี เพื่อให้มีฐานข้อมูลที่ดินที่ถูกทิ้งร้างฯ (Baseline Data) สำหรับใช้ติดตามสถานการณ์แนวโน้มการใช้ประโยชน์ที่ดินและบริหารจัดการในระยะต้น และการจัดทำร่างมาตรการส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ถูกทิ้งร้างฯ เพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนจูงใจให้กับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เป็นแนวทางเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุด ลดการสูญเสียในเชิงเศรษฐกิจ และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาที่ดินที่ถูกทิ้งร้างฯ ในระยะต่อไป จะมีการนำเสนอผลการจัดทำมาตรการส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดินฯ รวมทั้ง แนวทางการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลที่ดินที่ถูกทิ้งร้าง เข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการนโยบาย แนวทาง และมาตรการการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน และ คทช. ตามลำดับต่อไป
- การดำเนินการเพื่อจัดเก็บข้อมูลดินที่ได้รับการฟื้นฟูหรือพัฒนาคุณภาพของดินเพื่อการนำมาใช้ประโยชน์ โดยประสานรวบรวมข้อมูลดินที่ได้รับฟื้นฟูหรือพัฒนาคุณภาพ เป็นประจำทุกปี (รอบ 6 และ 12 เดือน) เพื่อทราบสถานการณ์ความก้าวหน้าและประเมินโอกาสในการบรรลุตามเป้าหมายของแผนฯ (สัดส่วนของดินที่ได้รับการฟื้นฟูหรือพัฒนาคุณภาพเพื่อนำมาใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น) ตลอดจนวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรคเพื่อร่วมผลักดันการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
- การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้ที่ดินของประเทศให้เหมาะสมกับสภาพที่ดินและศักยภาพที่ดิน โดยจัดทำคำนิยามการใช้ที่ดินของประเทศให้เหมาะสมกับสภาพที่ดินและศักยภาพที่ดิน รวมถึงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ (พื้นที่จังหวัดนำร่อง) ในการจัดทำแผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินให้เหมาะสมกับสภาพที่ดินและศักยภาพที่ดินตามคำนิยามฯ สำหรับขยายผลในพื้นที่อื่นต่อไป
ประเด็นนโยบายด้านที่ 3: การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) และส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ได้รับการจัดที่ดินตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2558 ในรูปแบบลักษณะแปลงรวมโดยมิให้กรรมสิทธิ์ แต่อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐเป็นกลุ่มหรือชุมชน และสามารถตกทอดสู่ลูกหลานได้ เพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนไร้ที่ดินทำกิน และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินภายใต้นโยบาย คทช. สร้างวิถีคนอยู่กับป่าด้วยการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการอยู่อาศัยและทำกินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นการดำเนินการรูปแบบหนึ่งของการกระจายการถือครองที่ดิน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
ภาพรวมผลการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 – ปัจจุบัน มีพื้นที่เป้าหมาย จำนวนทั้งสิ้น 1,594 พื้นที่ 73 จังหวัด เนื้อที่ประมาณ 5.9 ล้านไร่ ในพื้นที่เป้าหมาย 9 ประเภทที่ดินของรัฐ ได้แก่ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชายเลน ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ที่ดินสาธารณประโยชน์ ที่ดินราชพัสดุ ที่ดินสงวนเพื่อกิจการนิคมในนิคมสร้างตนเอง ป่าไม้ถาวร ป่าสงวนแห่งชาติ (13 นิคมสหกรณ์ 14 ป่าสงวน) และป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 โดยสามารถจัดคนเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินแล้วใน 6 ประเภทที่ดินของรัฐ ได้แก่ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชายเลน ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ที่ดินสาธารณประโยชน์ ที่ดินราชพัสดุ และที่ดินสงวนเพื่อกิจการนิคมในนิคมสร้างตนเอง9
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สคทช. ได้มีการลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนกระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนเป็นประจำ รวมทั้งส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาดภายหลังจากได้รับการอนุญาตเข้าอยู่อาศัยและทำประโยชน์ในพื้นที่ ตามกรอบการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาด เพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ คทช. ซึ่งจะเป็นการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน เช่น การยกระดับสหกรณ์นำไปสู่การเปลี่ยนผู้ขอรับการอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นสหกรณ์ โดยเป็นสหกรณ์ที่มีความเข้มแข็ง การจัดทำแนวทางการสร้างมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชน โดยการปลดล็อกกฎหมายระเบียบข้อจำกัดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินในรูปแบบอื่นที่เหมาะสมนอกจากการทำเกษตรกรรม การเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับการประกอบอาชีพจากการนำหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินไปใช้เป็นหลักประกันและระบบอำนวยสินเชื่อ และขับเคลื่อนแนวทางการสร้างมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชน เพื่อยกระดับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ คทช. มีอาชีพ เพิ่มรายได้ และเกิดความมั่นคงในชีวิตอย่างยั่งยืน การเตรียมการรองรับกติกาสากล โดยที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการร่วมกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (GISTDA) ในการจัดทำข้อมูลภูมิสารสนเทศการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ คทช. ผ่านระบบติดตามการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ คทช. ด้วยการใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อจำแนกการใช้ประโยชน์ที่ดินและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน สำหรับรองรับระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EU Regulation on Deforestation - free products: EUDR) เพื่อแสดงข้อมูลและข้อเท็จจริงให้เห็นว่าสินค้าเกษตรที่เกิดขึ้นจากแหล่งผลิตในพื้นที่ คทช. ถูกกฎหมายและเป็นไปตามเงื่อนไขและระเบียบ EUDR10 เป็นต้น
สำหรับแผนการดำเนินการในระยะต่อไปเพื่อยกระดับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน เช่น การพัฒนาตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์ คทช. และยกระดับมาตรฐานสินค้าให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล การยกระดับการจัดทำสมุดประจำตัวผู้ได้รับการจัดที่ดินทำกิน คทช. ในรูปแบบดิจิทัล โดย สคทช. กับกรมที่ดินร่วมหารือแนวทางการจัดทำสมุดประจำตัวฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น นอกจากนี้ ได้มีการพัฒนาตัวชี้วัดความสุขชุมชนมวลรวม (Gross Community Happiness: GCH) เพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับสะท้อนความสำเร็จของการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชมภายใต้นโยบาย คทช. ซึ่งจะมีการยกระดับสู่การเป็นตัวชี้วัดในระดับประเทศและระดับโลกต่อไป
ประเด็นนโยบายด้านที่ 4: การบูรณาการและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินอย่างมีเอกภาพ
- การบูรณาการความร่วมมือในด้านต่างๆ เพื่อเร่งเสริมประสิทธิภาพและความเป็นเอกภาพในการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านต่างๆ เช่น การจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) และความร่วมมือในรูปแบบอื่น ๆ ดังนี้
จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการพัฒนาระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนผลการดำเนินงานการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ กรมพัฒนาที่ดิน เพื่อแลกเปลี่ยนแผนที่หรือข้อมูลทางแผนที่สำหรับใช้ประโยชน์ร่วมกัน บันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เพื่อใช้เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศเพื่อการกำหนดและขับเคลื่อนนโยบายและแผนด้านการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ในโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ คทช. สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นต้น
นอกจากนี้ สคทช. ยังได้ร่วมกับ กรมพัฒนาที่ดิน ในฐานะหน่วยประสานงานหลักของประเทศ (National Focal Point) และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) เป้าหมายที่ 15 (ระบบนิเวศบนบก) และสนับสนุนการดำเนินงานภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย (UNCCD) เพื่อปกป้อง ฟื้นฟู และสนับสนุนการใช้ระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน จัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ต่อสู้กับการกลายสภาพเป็นทะเลทราย หยุดการเสื่อมโทรมของที่ดินและฟื้นสภาพกลับมาใหม่และหยุดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นต้น
- ระบบฐานข้อมูล เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน เพื่อมุ่งเน้นการบูรณาการข้อมูลที่ดินและทรัพยากรดินที่สำคัญผ่านการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อให้ได้ระบบข้อมูลที่เป็นเอกภาพ เป็นปัจจุบัน ถูกต้อง และแม่นยำ เป็นมาตรฐานเดียวกัน สามารถเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้อย่างโปร่งใส สนับสนุนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินในภาพรวมของประเทศ และประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลภาครัฐและนำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยการจัดทำธรรมาภิบาลข้อมูล (Data Governance) สำหรับเป็นแนวทางกำกับดูแลการเชื่อมโยง แลกเปลี่ยน และบูรณาการข้อมูลอย่างเป็นระบบ การจัดทำระบบบัญชีข้อมูล (Data Catalog) เพื่อจัดทำรายการชุดข้อมูลที่ดินและทรัพยากรดินที่รวบรวมมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การพัฒนาระบบบริหาร เชื่อมโยง และให้บริการข้อมูลกลางด้านที่ดินและทรัพยากรดิน เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลที่ดินและทรัพยากรดินที่สำคัญ เช่น ข้อมูลพื้นที่ป่า ข้อมูล One Map และข้อมูลการจัดที่ดินทำกิน เป็นต้น และต่อยอดพัฒนาแบบจำลองข้อมูลด้านที่ดินและทรัพยากรดิน สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อติดตามสถานการณ์ประเด็นที่ต้องการและแสดงผลในรูปแบบของ Dashboard การพัฒนาระบบบริหารจัดการและให้บริการข้อมูลแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Block Chain เพื่อกำกับ ติดตามการแก้ไขปรับปรุงเส้นแนวเขตที่ดินของรัฐ เพื่อความโปร่งใส ถูกต้อง และชัดเจน และเพิ่มประสิทธิภาพในการสนับสนุนกระบวนการจัดทำแผนที่ท้ายกฎหมายให้แล้วเสร็จได้เร็วยิ่งขึ้น รวมทั้ง สามารถรองรับแผนที่ดิจิทัลและเทคโนโลยีดาวเทียมมาใช้ในการดำเนินงาน One Map ซึ่งได้ดำเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์ข้อมูลกลางด้านที่ดินและทรัพยากรดิน (Data Center) สำหรับประกอบการตัดสินใจและกำหนดนโยบาย แผน มาตรการ และแนวทางที่มีประสิทธิภาพ
- การทบทวนการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแบบแปลงรวมในโครงการจัดที่ดินของรัฐ เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กรณีสหกรณ์บ้านคลองโยง จำกัด และโครงการจัดที่ดินของรัฐตามนโยบายรัฐบาล โดยเสนอแนะให้มีการตรากฎหมายลำดับรอง ตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 เพื่อยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้กับการจัดที่ดินของรัฐให้กับประชาชนที่ผ่านมา และโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในลักษณะแปลงรวมโดยมิให้กรรมสิทธิ์ (คทช.) ที่ดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบัน เพื่อให้การจัดเก็บภาษีที่ดินมีความเป็นธรรม เสมอภาคและไม่เลือกปฏิบัติ
สคทช. มุ่งนำนโยบายสู่การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ บนฐานความร่วมมือที่เป็นหนึ่งเดียวเพื่อวิถีชีวิตที่ยั่งยืน11 โดยเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินการภายใต้กรอบนโยบายที่ดินฯ ร่วมกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง สานต่อบน 3 หลักการ คือ ผลักดัน – สร้างความร่วมมือ – และสนับสนุนการปฏิบัติงาน อันเป็นเสมือนหัวใจหลักที่สำคัญของการขับเคลื่อน เพื่อให้การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ เกิดประโยชน์สูงสุด สมดุล เป็นธรรม และยั่งยืน สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมส่งผลประโยชน์กับประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรมในการเข้าถึงที่ดินและใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อ “บริหารจัดการที่ดิน ประชาชนอยู่กินยั่งยืน”
อ้างอิง
1 นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
2 นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
3 นักวิเคราะห์นโยบายและแผน กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
4 นักวิเคราะห์นโยบายและแผน กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
5 นักวิเคราะห์นโยบายและแผน กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
6 ดูบทความ เรื่อง ก้าวเดิน ... เพื่อการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน (2565) ได้จาก https://www.onlb.go.th/about/featured-articles/5120-a5120
7 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ. (2566). นโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (พ.ศ. 2566 - 2580). หน้า 97.
8 รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567
9 รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567
10 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ. (2566). สคทช. จัดสัมมนา "การส่งเสริมอาชีพให้ประชาชนในพื้นที่ที่รัฐจัดให้ (คทช.) กับนโยบายการค้าและสิ่งแวดล้อม". เข้าถึงเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.onlb.go.th/101-onlb-news/7478-n7478?highlight=WyJldWRyIl0=.
11 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ. (2566). แผนกลยุทธ์ ระยะ 15 ปี (พ.ศ. 2566 – 2580). หน้า 44.